Saturday 20 August 2011

Weekly - Manager Online - วิธีคิด และทำแบบ Nothing Impossible ของ ศิริญา เทพเจริญ

Weekly - Manager Online - วิธีคิด และทำแบบ Nothing Impossible ของ ศิริญา เทพเจริญ
วิธีคิด และทำแบบ Nothing Impossible ของ ศิริญา เทพเจริญ
โดย ผู้จัดการ 360° รายสัปดาห์ 19 สิงหาคม 2554 12:38 น.
Share11

ศิริญา เทพเจริญ
*โมเดลการรุกตลาดแบบติดสปีดผู้บริหารสาว

*การบริหารแบบไม่ต้องคิดมาก แต่ประสบความสำเร็จสูง

*หัวใจของการขยับแบบก้าวกระโดดจาก 50 ล้านเป็นพันล้านใน 5 ปี

*แผนดำเนินการเพื่อผลักดันวิสัยทัศน์ให้ถึงฝั่งฝัน

ผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดา

จะธรรมดาได้อย่างไร ในเมื่ออายุเพิ่งแตะหลักสี่มาหมาดๆ ก็เป็นรองกรรมการผู้จัดการ ผู้บริหารสายงานการตลาด บริษัท อั่งเปา แอสเสท จำกัด (มหาชน) ที่มีสินทรัพย์นับหมื่นล้านบาท ทั้งที่ไม่ได้คาบช้อนเงินช้อนทองมาตั้งแต่อ้อนแต่ออก และชีวิตในช่วงต้นก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ

จะธรรมดาได้อย่างไร เมื่อเธอเข้าไปซื้อโรงพยาบาลด้านสุขภาพที่ประเทศเยอรมัน และยังเป็นผู้บริหารแบงค็อก เมดิเพล็กซ์ ศูนย์รวมเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล แห่งแรกของไทย ทั้งที่ไม่ได้ร่ำเรียนมาทางด้านแพทย์เลยสักนิด

และอื่นๆอีกหลายโครงการที่ผ่านมา และกำลังจะตามมา

เพราะ “เธอ” เชื่อว่าในโลกธุรกิจไม่มีอะไรที่เธอจะทำไม่ได้ เพียงแต่จะทำหรือไม่เท่านั้น

ศิริญา เทพเจริญ หรือ คุณหมวย ที่นอกจากจะดูแลสายงานการตลาดให้กับบริษัทข้างต้นแล้ว ยังเป็นรองประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัทณุศาศิริ และเป็นผู้บริหารแบงคอก เมดิเพล็กซ์ ศูนย์สุขภาพ วิลลา เมดิคา 2 ใน 4 แบรนด์หลักของอั่งเปา ส่วนที่เหลืออีก 2 แบรนด์คือ อัพเอกมัย คอนโดมีเนียม และเอ็กซ์โซ คอนโดฯ เล่าให้ “ผู้จัดการรายสัปดาห์” ฟัง ถึงวิธีคิด และทำงานของเธอนั้น จริงแล้วไม่แตกต่างจากเจ้าของกิจการรายอื่น เพียงแต่ใครจะคิดเร็วหรือช้ากว่ากันเท่านั้น

“จริงแล้วก่อนที่จะซื้อที่จะมีโครงการอยู่ในหัวแล้ว ว่าเรามองเห็นอะไร จะทำอะไรถึงค่อยซื้อ จริงแล้วมันมีพื้นฐานอยู่ว่า ปัจจุบันคู่แข่งเป็นอย่างไร แต่ละจุดขายได้มากน้อยแค่ไหน เราจะสามารถเข้าไปแชร์ตลาดจากเขาได้อย่างไร หากเสี่ยงที่จะไปแชร์ตลาดเราสามารถเปลี่ยนโปรดักส์ได้หรือไม่ ทุกอย่างมันมีทางออกอยู่แล้ว อย่าไปคิดเยอะ สมมติว่าเราจะขายของสักชิ้น รู้ว่ามีลูกค้ากลุ่มนี้แน่นอน จากนั้นก็ดูว่าในตลาดเรามีข้อดีหรือข้อเสียอะไร และเราทำอะไรได้ดีกว่าในจุดที่ลูกค้าต้องตัดสินใจมาเลือกเรา อย่างหมวยประชุมกับการตลาดจะให้โจทย์ว่าอย่าไปคิดอย่างอื่น อย่าคิดว่าต้องลงโฆษณาเยอะ แต่ให้คิดก่อนว่าทำไมเขาถึงซื้อคุณ จากนั้นถึงค่อยไปคิด ค่อยทำเรื่องอื่น”

ด้วยความที่คิดเร็ว ทำเร็ว เช่นนี้ทำให้ช่วงต้นๆ ของการเข้าสู่วงการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เธอใช้เวลาเพียง 4-5 ปี ก็สามารถขยายธุรกิจจาก 50 ล้านบาท ขึ้นเป็น 1,000 ล้านบาท

อาจเพราะ “หัวใจ” ของการทำธุรกิจอสังหาฯ ก็คือ “เวลา” ตั้งแต่กระบวนกการซื้อของถูก จนถึงปิดโครงการ ต้องบริหาร Cost of Fund ให้คุ้มค่ากับเงินและเวลาที่มีอยู่ เป็นสไตล์เดียวกับณุศาศิริที่เน้น “ความเร็ว แข่งกับเวลา”

สำหรับวิสัยทัศน์ของอั่งเปา ที่เพิ่งแปลงร่างสร้างบริษัทมาได้ปีกว่าๆ ก็คือ “เป็นผู้นำด้านอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่อันดับต้นๆ ของประเทศ ที่จะสร้างที่อยู่อาศัย และให้บริการกับสุขภาพชีวิตของคนในสังคม” เป็นทิศทางการดำเนินงานที่แตกออกเป็น 2 ด้านใหญ่ ด้านแรก อสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากเป็นธุรกิจที่ถนัด และสร้างรายได้ให้กับบริษัทอย่างเป็นกอบเป็นกำ ด้านที่สอง สุขภาพ เป็นธุรกิจที่มีแนวโน้มการเติบโตค่อนข้างดี เนื่องจากผู้คนเริ่มใส่ใจกับสุขภาพมากขึ้น

ผู้บริหารคนสวยของอั่งเปา ตั้งใจไว้ว่าจะผลักดันให้บริษัทอั่งเปา มีสินทรัพย์ขยับขึ้นเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ระดับท็อป 5 ให้ได้ภายใน 3 ปี จากปัจจุบันอยู่ที่ 30 ต้นๆ

แม้เป็นเรื่องยากเกินจินตนาการ แต่การไปถึงเป้าหมายอาจเป็นไปได้ หากมีกลยุทธ์การจัดการที่ดี

ประการแรก มีประสบการณ์ในวงการอสังหาริมทรัพย์มากว่าสิบปีทั้งภายใต้แบรนด์ณุศาศิริ ที่เจาะตลาดในระดับพรีเมียมวางราคาไว้ที่ 10 ล้านบาทขึ้นไป กับแบรนด์กฤษณา ที่เจาะกลุ่มตลาดกลางไปจนถึงระดับบนราคาตั้งแต่ 7-9 ล้านบาท ทำให้มีความเข้าใจในความต้องการของผู้บริโภค และทิศทางของตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสามารถต่อสู้กับสภาวะการแข่งขันอันยากลำบาก ดังจะเห็นได้จากความสามารถในการเติบโตเหนือผู้ประกอบการรายอื่นในช่วงเกิดวิกฤตเศรษฐกิจเมื่อปี 2540

ประการที่สอง การเข้าไปซื้อบริษัท ไทยเกรียงกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เมื่อปี 2551 ซึ่งเดิมบริษัทนี้ทำธุรกิจสิ่งทอ และอยู่ระหว่างการฟื้นฟูกิจการ เพื่อเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ทางอ้อม พร้อมเปลี่ยนชื่อจากณุศาศิริ เป็น อั่งเปา

การดำเนินการนี้เพื่อสร้างความแข็งแกร่งทางด้านการเงินจะได้ระดมทุนได้มีทางเลือกมากขึ้น ไม่ต้องพึ่งพาเงินทุนส่วนตัวและสถาบันการเงินแต่เพียงอย่างเดียว และที่สำคัญทำให้การบริหารงานเปลี่ยนจากการบริหารแบบครอบครัวมาเป็นแบบมืออาชีพมากขึ้น

“การเข้ามาอยู่ในตลาดฯ นอกจากเรื่องการระดมทุนแล้ว ยังเป็นเรื่องของความเชื่อมั่น จากนี้ไปจะมีทั้งการร่วมทุน ควบรวมกิจการ หรืออื่นๆ ทุกอย่างวางไว้ในแผนหมดแล้ว เพียงแต่รอการอนุมัติเท่านั้น”

ที่ผ่านมามีข่าวคราวออกมาว่าอั่งเปาอยู่ระหว่างการเจรจาในลักษณะของการร่วมทุนกับพันธมิตรธุรกิจก่อสร้างทั้งในและต่างประเทศ 2-3 ราย เพื่อมาเสริมจุดแข็งในด้านงานก่อสร้างของบริษัท ซึ่งเป็นโมเดลในลักษณะเดียวกับที่พฤกษาฯ ทำอยู่ในปัจจุบัน

ทั้งนี้ หากอั่งเปาสามารถไต่ระดับขึ้นเป็นท็อป 5 ได้ ก็จะยิ่งทำให้บริษัทต่างชาติให้ความสนใจบริษัทนี้เพิ่มมากขึ้น ที่สำคัญเมื่อใหญ่โต และเข้มแข็งถึงขนาดแล้ว เป้าหมายต่อไปจึงไม่ได้อยู่แค่ในประเทศไทยเท่านั้น

มามองการดำเนินงานเรื่องสุขภาพ ซึ่งเป็นอีกด้านของวิสัยทัศน์บ้าง

เพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว เธอได้ใช้เงินกว่า 1,000 ล้านบาท เปิดโครงการแบงค็อก เมดิเพล็กซ์ เป็นโครงการเปิดพื้นที่ให้เช่าคลินิกแก่แพทย์เฉพาะทางจากหลายสาขาเข้ามาเปิดศูนย์การแพทย์เพื่อทำการรักษาผู้ป่วยโดยเฉพาะ ขณะเดียวกันในศูนย์แห่งนี้จะมีวิลล่า เมดิก้า ซึ่งเป็นการลงทุนของเธอเอง เป็นบริการรักษาโดยวิธีเซลล์บำบัด ด้วยวิทยาการแพทย์จากเยอรมนี โดยเป็นศูนย์ประจำแห่งแรกและแห่งเดียวในเอเชียที่ให้การรักษาในมาตรฐานเดียวกับบริษัทแม่ที่เยอรมัน นอกจากนี้ยังลงทุนสร้างโรงแรมและโรงพยาบาลมูลค่า 300-400 ล้านบาทที่ภูเก็ตอีกด้วย

“ตอนนี้ไม่ได้มองแค่ประเทศไทยอย่างเดียว คือหมวยไปซื้อโรงพยาบาลสุขภาพที่เยอรมัน เพราะไม่เคยคิดว่าบริษัทของเราจะอยู่ที่ประเทศไทย หมวยเพิ่งพูดเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมากับพนักงานว่าเราต้องมองตลาดอาเซียน”

แม้การแข่งขันกับตลาดอาเซียนจะเป็นงานใหญ่ และไม่ใช่งานง่าย แต่เธอเชื่อว่าไม่มีความยากลำบากในตรงนั้น และไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้

“แต่ก่อนไม่มีสักเรื่องเรายังก้าวเดินมาได้ แต่วันนี้เราทั้งอยู่ในตลาดฯ ซึ่งมีทั้งระบบ มีเป้าหมาย ความโปร่งใส ความเชื่อมั่นของนักลงทุน ตอนนี้เรามีทุกอย่างทำไมเราจะไปถึงจุดนั้นไม่ได้ ทุกวันนี้ยังบอกพนักงานให้เปลี่ยนวิธีคิดใหม่ เวลาทำอะไรต้องตั้งใจ คิดว่าเราอยากได้อะไร ตั้งเป้าหมายไว้ก่อน คิดอย่างเดียวว่าต้องสำเร็จ แล้วเราจะใช้กำลังทั้งหมด หาทุกวิธีเพื่อทำให้ไปถึงเป้าหมายเอง” นักธุรกิจสาว ที่บอกว่าที่ผ่านมายังไม่เคยพบกับความล้มเหลวในการทำงานเลย หากตนเองตั้งใจ อธิบายให้ฟัง

แต่ถ้าถามเคล็ดลับการลงทุนในธุรกิจเพื่อให้ประสบความสำเร็จแล้ว เธอบอกว่ามีอยู่ 3 เรื่องคือ ความต้องการของผู้บริโภค ตลาด และจังหวะ

นี่คือวิธีคิดและทำของผู้หญิงที่ชื่อ ศิริญา เทพเจริญ

No comments:

Post a Comment